วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ลักษณะทางกายภาพและลักษณะภายในของมะเขือพวง


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์     
                 มะเขือพวง มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า  Solanum torvum Sw.
อยู่ในวงศ์                     SOLANACEAE
ซึ่งเป็นวงศ์ของพืชพวกพริกและมะเขือต่าง ๆ นั่นเอง มะเขือพวงมีลักษณะพิเศษบางประการต่างจากมะเขือชนิดอื่น ๆ คือเป็นไม้พุ่มยืนต้นข้ามปี ไม่ใช่พืชล้มลุกเหมือนมะเขือ ชนิดอื่น ๆ นอกจากนั้นยังมีขนาดใหญ่โตกว่ามะเขือชนิดอื่น ๆ ด้วย เพราะมีทรงพุ่มสูงถึงกว่า 1 เมตร ขึ้นไปถึง
2 เมตร มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่สำคัญ ดังนี้     
โครงสร้างภายนอก          
  ราก
                ะเขือพวงจะมีระบบรากเป็นระบบรากฝอย  (Fibrous root system) ระบบรากฝอย   ซึ่งพบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่  
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวเมื่องอกออกจากเมล็ด มีรากแก้วแต่รากแก้วจะสลายไป ประกอบด้วยรากที่มีขนาดใกล้เคียงกันจำนวนมาก ซึ่งรากดังกล่าวเจริญและพัฒนามาจากเซลล์ที่อยู่ปลายสุดของลำต้น ดังนั้นจึงอาจถูกเรียกว่า adventitious root ได้ด้วย รากฝอยบริเวณโคนรากมีขนาดใกล้เคียงกับปลายรากและมักจะมี การเจริญขนานไปกับพื้นดิน ซึ่งแตกต่างจากระบบรากแก้วที่มักเจริญลงด้านล่างลึกลงไปในดินเพื่อดูดน้ำและแร่ธาตุ ตัวอย่างพืชระบบรากฝอย ได้แก่ หญ้า  ข้าวโพด พริก มะเขือต่างๆ มะพร้าว เป็นต้น




             ลำต้น
                 เป็นไม้พุ่มเล็กสูงประมาณ 1- 2 เมตร ลำต้นตั้งตรงมีขนนุ่มขึ้นปกคลุม ลำต้นและใบมีหนามสั้นเล็กๆ ห่างๆ ขึ้นทั่วไป แตกกิ่งก้านสาขามาก  ลำต้นช่วงอายุแรกปลูก - 6 เดือนจะมีสีเขียว เมื่ออายุมากขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแกมเขียว




             ใบ
                 ใบเป็นใบเดี่ยวรูปรีปลายใบแหลม  ใบมีลักษณะรูปไข่   การเรียงใบเป็นแบบเวียน  ขอบใบเป็นหยัก 6-8 หยัก  โคนใบเบี้ยว    
ใบกว้างประมาณ  5 - 15  เซนติเมตร    ยาวประมาณ  7 - 25  เซนติเมตร  ก้านใบยาว  4 - 8  เซนติเมตร หน้าใบ ผิวใบเรียบมีขนนุ่มเล็กน้อยหลังใบมีขนนุ่มปกคลุมทั่วใบมีหนามเล็กสั้นๆตามแนวเส้นใบ  เส้นใบเป็นแบบร่างแห 



           ดอก 
      ดอกออกเป็นกระจุกหรือเป็นพวงสีขาวออกตามง่ามใบและปลายกิ่ง ดอกสีขาวมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ  กลีบ กลีบดอกสีขาวโคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด กลางดอกมีเกสรตัวผู้และตัวเมียสีเหลืองติดอยู่กับหลอดของกลีบดอก หรือเป็นดอกสมบูรณ์เพศ 

                                                                                 
                                                                                  
           ผล     
     รูปร่างกลมเล็กเป็นพวงผิวเรียบเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ซม. ผลอ่อนสีเขียวขั้วผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่ ผลแก่สีเขียวเข้ม เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองหรือส้มแดง ภายในมีเมล็ดเล็กๆ จำนวนมากเมล็ดมีลักษณะกลมแบนสีขาวเมื่อแก่เป็นสีน้ำตาล


ลักษณะของเนื้อเยื่อต้นมะเขือพวง


ราก






ใบ





ลำต้น


มะเขือพวง

ชื่อวิทยาศาสตร์        Solanum Torvum Swartz 
ชื่อสามัญ                Common Asiatic Weed 
วงศ์                      Solanaceae
ชื่ออื่นๆ                  มะเขือพวง (กลาง) มะแคว้งกุลา (เหนือ) หมากแข้ง (อีสาน) มะเขือละคร (โคราช) เขือน้อย เขือพวง ลูกแว้ง เขือเทศ (ใต้) และมะแว้งช้าง (สงขลา)
ลักษณะ :
มะเขือพวงเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงของต้น 1-3 เมตร มีอายุยาวนาน 3-4 ปี สามารถขึ้นและเจริญเติบโตได้ดี ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลจนถึง ระดับสูงจากน้ำทะเลปานกลาง 1,600 เมตร เป็นพืชที่ชอบความร้อนชื้นสูง แต่ไม่ชอบให้น้ำขังแฉะ มะเขือพวงมีทั้งชนิดที่มีหนาม และไม่มีหนาม ( มีเมล็ดจำหน่ายในประเทศไทย ) มะเขือพวงจะออกดอกเป็นช่อๆ ดอกหนึ่งจะติดผลตั้งแต่ 2-3 ผล จนถึง 10 ผล ผลอ่อนจะมีลักษณะกลม สีเขียว มีเส้นผ่าศูนย์กลางผล 1-1.5 เซนติเมตร ผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล มะเขือพวงผลหนึ่งมีเมล็ด 300-400 เมล็ด มะเขือพวงจะมีลูกตลอดปี ในฤดูฝนที่มีฝนตกชุก มะเขือพวงจะติดผลน้อยหน่อย
คุณค่าทางอาหาร :
โปรตีนร้อยละ 2.8 สารจำพวกแป้งและน้ำตาลร้อยละ 7. 4 เส้นใยร้อยละ 6.1 แคลเซียมร้อยละ 158 และฟอสฟอรัสร้อยละ 110 มิลลิกรัมตามลำดับ
ซึ่งการที่มะเขือพวงมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงจึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการแคลเซียมเพื่อลดภาวะกระดูกพรุน
ประโยชน์
มะเขือพวงมีสารจำพวก:
-ไฟโตนิวเทรียนท์ ที่จะช่วยร่างกายในสภาวะขาดแคลนสารอาหาร ให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ
-สารทอร์โวไซด์ ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเทอรอลในกระแสเลือดได้ และกระตุ้นให้ตับนำคอเลสเทอรอลในเลือดไปใช้ได้มากขึ้น รวมทั้งยับยั้งการดูดซึมกลับของคอเลสเทอรอลในลำไส้ด้วย จึงอาจช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้อีกทางหนึ่ง
-ซาโปนิน ทำให้มะเขือพวงมีฤทธิ์ขับเสมหะ จากการศึกษาพบว่ามะเขือพวงนั้นเป็นพืชที่มีเส้นใยสูงมาก โดยมีเส้นใยมากกว่ามะเขือยาว 3 เท่า และมากกว่ามะเขือเปราะถึง 65 เท่า แม้ว่าจะมีผักหลายชนิดที่มีสารเส้นใยสูง แต่มะเขือพวงก็ยังได้รับสมญานามเป็น ราชาแห่งผักพื้นบ้านในเรื่องของสารเส้นใย เนื่องจากมะเขือพวงมีสารเส้นใยมากที่สุดเมื่อเทียบกับผักพื้นบ้านของไทยเกือบทั้งหมด
-เพกติน เป็นสารที่ละลายน้ำได้ อยุ่ในเส้นใยในมะเขือพวงสารนี้จะสามารถ เปลี่ยนเป็นวุ้นไปเคลือบที่ผิวของลำไส้ ทำให้ลำไส้ดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้วได้ช้าลง จึงเป็นการช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วเกินไป ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้อีกด้วย “เพกติน”ในมะเขือพวงนั้น ยังช่วยในการดูดซับ ไขมันส่วนเกินจากอาหารได้

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งของบรรพบุรุษของไทย มักจะทำแกงกะทิใส่มะเขือพวง ซึ่งน่าจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ผลวิจัยในหนูทดลองที่เป็นโรคเบาหวาน พบว่ามะเขือพวงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของหนูเหล่านั้นค่อยๆลดลง นอกจากนี้ปริมาณอนุมูล อิสระซุปเปอร์ออกไซด์และไนตริกออกไซด์ในเลือดก็ลดลงด้วย อนุมูลอิสระเหล่านี้พบมากในภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูง และเป็นสาเหตุของการเสื่อมของอวัยวะต่างๆในภาวะเบาหวาน เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ไตพิการ จอตาพิการ ประสาทพิการ โรคที่เท้า และการ เกิดผิดปกติที่อวัยวะต่างๆในร่างกาย 
สรรพคุณทางยา
สรรพคุณของมะเขือพวง ที่เป็นสมุนไพพื้นบ้านรวม
ทั้งต้น ใบ และผล เป็นยาเย็นรสจืด ทำให้โลหิตหมุนเวียนดี แก้ปวด ฟกช้ำ ตรากตรำทำงานหนัก กล้ามเนื้อบริเวณเอวฟกช้ำ ไอเป็นเลือด ปวดกระเพาะ ฝีบวมมีหนอง อาการบวมอักเสบ ขับเสมหะ
วิธีใช้และปริมาณที่ใช้ ต้น ใบ และผลสด ล้างสะอาด หั่นเป็นท่อน ตากแห้งเก็บไว้ใช้
ใช้ภายใน ต้น ใบ และผลแห้ง 10-15 กรัม ต้มน้ำกิน
ใช้ภายนอก ตำพอก ( สมุนไพร อันดับที่ 01 โครงการศึกษาวิจัยสมุนไพร มกราคม-กันยายน 2523 โดยคณาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย )
สรรพคุณของมะเขือพวง ใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้านแยกส่วน ( traditional medicine )
ต้น น้ำสกัดจากต้นมะเขือพวงใช้แก้พิษงู และพิษแมลงกัดต่อย ( อินเดีย )
ผล รับประทาน ช่วยบรรเทาโรคปวดกระเพาะอาหาร ( อินเดีย )
เมล็ด เอาไปเผาให้เกิดควัน เพื่อรักษาโรคปวดฟัน ( มาเลเซีย )
ราก - ใช้ตำพอกรอยแตกที่เท้า ( มาเลเซีย )
- ใช้เป็นยาแก้ไอ ( antitussive ) ช่วยให้เลือดกระจายตัวดี และระงับความเจ็บปวด ( จีน ) Plant Resources of South - East Asia 8 ( vegetables ) , 1996 , pp.258-260
ใบสด ในแคเมอรูนใช้ห้ามเลือด ใช้เป็นยาระงับประสาท พอกให้ฝีหนองแตกเร็วขึ้น แก้ปวด ทำให้ฝียุบ แก้ชัก ไอหืด ปวดข้อ โรคผิวหนัง ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ และแก้ซิฟิลิส
ผล ต้มน้ำกินแก้ไอในเด็ก
ราก ใช้พอกเท้าแตกเป็นร่องเจ็บ ใช้ภายนอก ใช้รากสดตำพอก
เมล็ด เผาสูดเอาควันรมแก้ปวดฟัน





แหล่งอ้างอิง 
http://www.the-than.com/samonpai/P/59.html

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

มารู้จักกับเจ้าของ Blog กันนะครับ


ชื่อ นาย ปฏิภาณ
นามสกุล โรจนนิล
ชื่อเล่น กาย
อายุ 17 ปี
ที่อยู่ บ้านเลขที่ 5 หมู่บ้านหนองหม้อ หมู่9 อำเภอ เมือง จังหวัด เชียงราย
เบอร์ติดต่อ 082-4961587
ศึอกษาอยู่ที่ โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ เชียงราย
ชั้น ม.5 ห้อง 7 เลขที่ 17